เหตุผลที่คุณควรต้อง เช็คระยะ ตามกำหนด !
หลายคนมักมองข้ามการ เช็คระยะ ตามกำหนด เพราะคิดว่า “รถไม่พัง = ยังไม่ต้องซ่อม” ชุดความคิดนี้ทำให้คนใช้รถปาดน้ำตามานักต่อนักแล้ว ! หากคุณเป็นอีกหนึ่งคนที่ไม่ต้องการพบเจอกับความเสียหายที่เกิดขึ้น แนะนำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำคู่มือรถ รวมถึงกำหนดการบำรุงรักษา เช็คระยะรถตามกำหนด จะช่วยให้รถยนต์คู่ใจของคุณมีอายุการทำงานที่ยาวนานขึ้นเป็นเท่าตัว
และวันนี้ BEZ ได้รวบรวมเกร็ดเล็ก ๆ น้อย ๆ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อรถยนต์คู่ใจ มาบอกต่อคุณซึ่งจะมีรายละเอียดเป็นอย่างไรนั้น ไปติดตามกันเลย !
การ เช็คระยะ รถยนต์คืออะไร ?
การ เช็คระยะรถตามกำหนด จะช่วย “ชะลอ” ความเสื่อมของตัวรถ ที่ส่งผลให้ เครื่องยนต์มีปัญหา ตามมาในอนาคต นอกจากการตรวจเช็คตามกำหนด จะเป็นการตรวจสภาพรถที่ “มากกว่า” คุณตรวจเช็คด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความสว่างของไฟ ลมยาง หรือแบตเตอรี่ เป็นต้น
เช็คระยะนับยังไงกันแน่ ?
ซึ่งในปัจจุบันจะแบ่งการตรวจเช็คระยะออกเป็น 2 แบบ คือ นับจากระยะทางและนับจากระยะเวลา แบ่งตามพฤติกรรมการใช้รถ หากใช้รถน้อยให้คิดจากระยะเวลา(นับตั้งแต่วันออกรถ) หรือถ้าหากใช้รถเยอะให้คิดตามระยะทางที่ใช้งานจริง(เลขไมล์ที่ใช้งาน)
การเช็คระยะรถยนต์ “แต่ละช่วง” จำเป็นต้องเปลี่ยนอะไรบ้าง ?
ระยะเวลา 1-6 เดือน หรือทุก ๆ 5,000 กิโลเมตร
เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง-ไส้กรอง
ตรวจเช็คยางรถยนต์
ตรวจเช็คจานเบรกและผ้าเบรก
ระยะเวลา 6-12 เดือน หรือทุก ๆ 10,000 กิโลเมตร
เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง-ไส้กรอง
ตรวจเช็คความเสื่อมสภาพของที่ปัดน้ำฝน
สลับยาง-ถ่วงล้อ
ตรวจเช็คระบบเบรก
ตรวจเช็คระบบคลัตช์
ตรวจเช็คระบบช่วงล่าง ทั้งโช้คหน้าและโช้คหลัง
ตรวจเช็คการรั่วซึมของสายน้ำมันคลัตช์และท่อ
ระยะเวลา 12-24 เดือน หรือทุก ๆ 20,000 กิโลเมตร
เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง-ไส้กรอง
เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์
เช็คระบบช่วงล่าง ตั้งแต่ระบบบังคับเลี้ยว ระบบคันชัก-คันส่ง ลูกหมาก
ตรวจเช็คความตึง-หย่อนของสายพานเครื่องยนต์ และสายพานขับ
ระยะเวลา 12-24 เดือน หรือทุก ๆ 40,000 กิโลเมตร
เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง-ไส้กรอง
เปลี่ยนถ่ายน้ำมันคลัตช์
เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเบรก
เปลี่ยนถ่ายน้ำมันพวงมาลัย
เปลี่ยนถ่ายน้ำหล่อเย็นเครื่องยนต์
เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์ออโต้
เปลี่ยนสายพานแอร์
เปลี่ยนสายพานขับปั๊ม
เปลี่ยนใบปัดน้ำฝน
ระยะเวลาไม่เกิน 36 เดือน หรือ 60,000 กิโลเมตร
เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง-ไส้กรอง
ตรวจเช็คแบตเตอรี่
เปลี่ยนกรองน้ำมันเชื้อเพลิง
เปลี่ยนสายหัวเทียน
เปลี่ยนระบบที่เกี่ยวข้องกับหม้อน้ำ
ระยะเวลาไม่เกิน 60 เดือน (5 ปี) หรือ 100,000 กิโลเมตรขึ้นไป
ตรวจเช็คยางรถยนต์
ตรวจเช็คระบบของเหลวทั้งหมด (หม้อน้ำทั้งระบบ ท่อยางหม้อน้ำบน-ล่าง)
3 ข้อดีของการเช็คระยะรถของคุณเป็นประจำ
การตรวจเช็ครถยนต์คู่ใจตามที่กำหนด แม้จะทำให้เสียเวลาหรือเสียค่าใช้จ่าย (บางอย่าง) ไปบ้าง แต่ถือว่าลดโอกาส เครื่องยนต์มีปัญหา หรือ รถมีปัญหา ได้ดีระดับหนึ่ง แต่จะมีข้อดีเป็นอย่างไรนั้น ไปดูกันเลย !
1. เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน
หากคุณนำรถยนต์ไปตรวจเช็คสภาพตามข้อกำหนดของคู่มือแนะนำ จะทำให้รถของคุณอยู่ในสภาพสมบูรณ์ พร้อมใช้งาน ซึ่งความพร้อมเช่นนี้ จะช่วย “ลดความเสี่ยง” ที่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุไม่คาดคิดได้
2. เพื่อเพิ่มมูลค่ารถยนต์
เมื่อคุณตรวจเช็คสภาพรถอยู่เสมอ แน่นอนว่ารถของคุณจะยังดูใหม่ อยู่ในสภาพดีเกือบ 100% หากต้องการขายต่อไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด ๆ ราคาขายจะดีตามสภาพรถไปด้วย รถสภาพดีกว่าตอนขายเป็นรถมือสองยังไงราคาย่อมดีกว่า
3. ประหยัดเงินในกระเป๋าได้มากขึ้น
การตรวจเช็ครถตามระยะที่กำหนด จะช่วยลดการซ่อมครั้งใหญ่ในระยะยาวได้เป็นอย่างดี เพราะในระหว่างที่คุณนำรถไปตรวจเช็คตามระยะนั้น จะทำให้คุณทราบในทันทีว่ามีส่วนไหนเสีย ชำรุดหรือมีความผิดปกติอย่างไรบ้าง ? หากสามารถซ่อมได้ทันเวลาย่อมลดความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดความเสียหายลุกลามโดยไม่จำเป็น และแน่นอนว่าค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงรถของคุณจะไม่บานปลาย
หากต้องการให้รถยนต์ของคุณมีอายุการใช้งานตามที่ควรจะเป็น หรือยาวนานขึ้นกว่าที่กำหนดไว้ แนะนำให้บำรุงรักษาตามมาตรฐานที่คู่มือรถกำหนดจะดีที่สุด เพราะการรักษาความสะอาดภายนอก-ภายใน หรือการขับขี่อย่างปลอดภัย ไม่ได้ช่วยยืดอายุการใช้งานได้มากเท่าไหร่นัก เพราะอะไหล่ทุกชิ้นของเครื่องยนต์ มักเกิดการเสื่อมสภาพไปตามกาลเวลาเสมอ
การนำรถไปตรวจเช็คตามระยะเพื่อให้รถอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์พร้อมใช้งานมากที่สุด จะช่วยเพิ่มความอุ่นใจให้คุณได้ตลอดการเดินทาง แถมยังช่วยลดปัญหาและลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นได้เป็นอย่างดี หากรถของคุณถึงระยะต้องซ่อมบำรุง การเลือกใช้อะไหล่และผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพได้มาตรฐานย่อมดีกว่าในทุกแง่ น้ำมันหล่อลื่นและผลิตภัณฑ์จาก BEZ พร้อมตอบโจทย์ให้กับคุณได้ทุกระยะการดูแล เพื่อการขับขี่ที่มั่นใจและยืดอายุการใช้งานให้กับรถของคุณ